Saturday, January 20, 2018

It's not like the movies #2park

It’s not like the movies


(Park Jihoon x Park Woojin)
warning : ยาวมาก อยากให้อ่านช้าๆ
noted: first time/ passionate


            เราแต่งหล่อแล้วบอกกันและกันว่าโดนเบี้ยวนัด นั่งลีมูซีนและเข้างานโดยไม่มีสาวควง พวกเพื่อนคนอื่นแซวแล้วเราก็แค่ไหวไหล่ ในช่วงสุดท้ายที่พวกเขาต่างจับคู่เกาะคอกอดเอวกันเต้นช้าๆ ท่ามกลางแสงไฟและเพลงรักพวกนั้น เราเพียงนั่งมองหน้ากันแล้วต่างพบความนัยบางอย่างในแววตา
            ผมถามเขาว่าไปจากที่นี่กันมั้ย
            มันไม่เหมือนในหนังรักพวกนั้น ที่มีการจิกทึ้งเสื้อผ้าออกจากกายกันและกันตั้งแต่ประตูปิด แหงล่ะ เพราะสูทพวกนี้เราเช่ามา แล้วเราต้องเอามันไปคืน มันจึงเป็นการเดินวุ่นหาไม้แขวนเพื่อแขวนมันอย่างบรรจงปราณีต นั่นยังไม่ประหลาดเท่าไหร่ หลังจากนั้นต่างหากที่ประหลาด ตอนที่เราต่างยืนมองหน้ากันแล้วส่งสายตาเป็นเชิงถามว่าควรทำอะไรต่อไป
            “อ่า...” ผมส่งเสียงออกมา อูจินเลิกคิ้วขึ้นคาดหวังประโยคอื่นที่จะเล็ดลอดออกตาม แต่โทษที ผมก็ไม่รู้จะพูดอะไรต่อเหมือนกัน มันจึงเป็นการเม้มปากเกาคอเงอะงะ มือไม้ก็เกะกะไม่รู้จะเอาไปวางตรงไหน
            “ไป...ไปที่เตียงมั้ย”
            ใจผมเหมือนจะกระดอนออกมาจากอกตอนที่เขาพูด
            เรานั่งลงบนเตียง เสื้อเชิ้ตสีขาวยัดในกางเกงยังไม่ถูกดึงออกด้วยซ้ำ สถานการณ์แบบนี้เราต่างหลงลืมเรื่องง่ายๆ เพราะมัวแต่ใจจดใจจ่อกับอะไรที่จะเกิดขึ้นต่อไป ผมนับหนึ่งถึงร้อยในใจ พยายามที่จะไม่สติแตก และในที่สุดหลังจากที่เราต่างเหลือบมองกันไปมาอย่างหยั่งเชิงในความเงียบ ในที่สุดก็มีคนหนึ่งที่หมดความอดทน – เขาจูบผมก่อน แล้วสาบานด้วยประสบการณ์จูบทั้งชีวิตว่าไม่เคยมีจูบครั้งไหนที่ทำใจผมสั่นได้เท่านี้
            มันไม่เหมือนในหนังรักพวกนั้น ริมฝีปากของอูจินไม่ได้หวาน ไม่ได้มีรสชาติเหมือนน้ำผึ้งหรือใดๆ ก็ตามที่นิยายน้ำเน่าเคยบอก แต่ข้างในของผมวาบวาม มีอะไรพิเศษบางอย่างที่เรียกร้องให้ผมอยากจะบดเบียดลงไปกว่านี้ ลึกล้ำลงไปกว่านี้ จะผิดมั้ยที่ผมสารภาพว่าเคยแอบสงสัยว่าจูบของเขาจะเป็นอย่างไร และให้ตายเถอะ ในความเป็นจริงนั้นดีกว่าในความคิดมากๆ ริมฝีปากของเขา ลิ้นของเขา ชั้นเชิงของเขา มือของเขาที่ประคองใบหน้าของผมไว้ ทั้งหมดนี้ทำให้ผมไม่แน่ใจว่าที่หัวหมุนตาลายนี่เป็นเพราะเหล้าที่แอบครูดื่มในงานเลี้ยงหรือจูบของเขากันแน่
            มือผมสั่น, ยอมรับเลย ผมรู้ว่าเราต่างมีประสบการณ์ด้วยกันทั้งคู่ ครั้งแรกของเขาผมไม่รู้หรอก แต่ครั้งแรกของผมเกิดกับสาวรุ่นพี่เพื่อนของพี่ชาย แล้วหล่อนก็สอนผมทั้งหมด เคอะเขินแต่ก็ไม่ได้แย่ 
            แต่นี่เป็นครั้งแรกของเรา ครั้งแรกที่ลืมเรื่องข้อจำกัดทั้งหมดทุกอย่าง ครั้งแรกที่เหมือนครั้งแรกกว่าครั้งไหนๆ ครั้งแรกที่ทำให้มือสั่นกับอีแค่การปลดกระดุม เขาขำด้วย รอยยิ้มระยะประชิดตอนที่ริมฝีปากของเรายังคลอเคลียกัน เขามีสิทธิมาขำด้วยเหรอ หูแดงเสียขนาดนี้
            ผมดึงเชิ้ตของเขาออก มันหลุดออกมานอกกางเกงพร้อมๆ กับสาบเสื้อที่แหวกออกจนเห็นแผ่นอก ผมไล่สายตามอง เผลอกลืนน้ำลายเป็นตาแก่หื่นๆ ไปได้ มือยังไม่หยุดสั่นตอนที่ค่อยๆ ไล่พรมจูบไปตามลำคอของเขาแล้วเลื่อนให้เสื้อหลุดออกจากไหล่ทีละนิด --ทีละนิด ริมฝีปากผมเลื่อนลากไล้ขบเม้มไล่ลงมา อูจินหายใจแรง มือของเขาก็ง่วนอยู่กับกระดุมเสื้อของผม 
            ผมจูบลงที่ไหปลาร้าของเขา ให้ตายเถอะ ทำไมถึงดูดีไปทุกส่วนสัดขนาดนี้นะ ผมเองตอนนี้ก็ตื่นเต้นตื่นตัวเหมือนเด็กที่กำลังจะได้เล่นรถไฟเหาะครั้งแรก แต่ต่างอยู่หน่อยก็คือ รถไฟเหาะเที่ยวนี้ผมรอมานานมากๆ – นานมากจริงๆ
            “เฮ้” เขาส่งเสียงออกมาตอนที่ผมค่อย ๆ ดันตัวเขาลงนอน ผมสะดุ้งผละออกมองหน้าเขา ใจเต้นระส่ำเพราะกลัวว่าจะทำอะไรผิดพลาด
            “เป็นอะไรหรือเปล่า”
            “นายจะ...” อูจินมองหน้าผม สีหน้าเขาดูลังเล ผมยิ่งกังวล
            “อะไร”
            “นายจะ...เป็นคนทำเหรอ”
            ทั้งผมและเขาต่างชะงัก เขาคงนึกว่าเราต่างไม่เคยคิดถึงเวลานี้ คิดแต่อยากจะกอด อยากจะจับ อยากจะลูบ อยากจะจูบ อยากจะสัมผัสกันและกันให้มากกว่านี้ แต่ลืมคิดถึงขั้นตอนสำคัญไปเสียได้
            เออ ก็ได้ เขาอาจจะใช่, แต่ผมคิด
            คิดถึงตอนที่จะได้มีเขาทอดกายอยู่ใต้ร่าง คิดถึงตอนที่ได้แทรกสอดใส่เข้าไป จินตนาการถึงความรู้สึกตอนนั้น คิดถึงตอนที่ผมกระทั้น คิดถึงตอนที่เขาสบตาผมกลับมาตอนที่ผมได้สัมผัสถึงเขาทุกตารางนิ้วอย่างสมบูรณ์ ผมคิดถึงมันบ่อยถึงขนาดที่ว่า ถ้ามีกฏหมายจำกัดการคิดเกินเลยกับเพื่อนสนิทตัวเองแบบนี้ ผมคงต้องติดคุกหัวโต ไม่ได้ออกมาเห็นเดือนเห็นตะวันตลอดชีวิต
            “นายโอเคหรือเปล่า” ผมถาม พยายามทำน้ำเสียงให้ดูเหมือนว่าไม่เป็นไร แต่ถ้าหากเขาตอบว่าไม่ ผมคงได้ไปนอนชักดิ้นชักงออยู่แถวๆ นี้
            อูจินนิ่ง เราสบตากัน งานพรอมครั้งสุดท้ายในชีวิตมัธยมปลายทำให้เขาแต่งองค์ทรงเครื่องเสียหล่อเหลา ทรงผมของเขาถูกเซ็ทปาดไปด้านหลังดูแปลกตา แต่เขาดูฮอตเป็นบ้า จนผมอดสงสัยไม่ได้ว่าที่ผ่านมาทนอยู่กับเขาแบบที่ไม่เคี้ยวลิ้นตัวเองตายทุกสองนาทีได้ยังไง
            ตอนนี้เขาเท้าข้อศอกไปด้านหลัง ผมก็คร่อมเขาไว้แล้วครึ่งตัว ถ้าให้พูดจริงๆ ในสถานการณ์นี้จะให้ถอยหลังกลับก็คงยาก กับเขาในสภาพโชว์ผิวแทนและเชิ้ตหลุดหลุ่ยแบบนี้ แล้วเป้ากางเกงผมที่คับจนกู่ไม่กลับขนาดนี้ แต่ถ้าเพียงเขาพูดว่าไม่—ก็ได้ ผมยอมใจสลายไปคนเดียวเอง
            เขาเม้มปาก
            “อ่า...ต่อเถอะ”
            ใจผมติดปีกแทบบินกระพือออกมาจากอก ริมฝีปากเราบดเบียดกันในตอนที่ผมขยับตัวขึ้นคร่อมเหนือร่างของเขาที่นอนราบ เชิ้ตของเขาหลุดกองที่ข้อแขน เชิ้ตของผมกระดุมหลุดลุ่ย เราช่วยกันทั้งดึงทั้งสลัดมันออกไป ท่อนบนเราเปลือยเปล่า ผิวเนื้อเสียดสีแนบชิดกันตอนที่ผมก้มลงไปจูบเขาอีกครั้ง มือก็ลูบไล้เขาลงมาตามสีข้าง ความอุ่นจากเนื้อของเขาระอุใต้มือของผม
            มือสั่นอีกแล้ว เวรเอ้ย ตื่นเต้น
            อูจินเบี่ยงคอไปอีกด้านเพื่อเปิดทางให้ผมซุกไซ้ ผมขบเม้มต่ำลง ต่ำลง จนถึงแผ่นอก แล้วรับรู้ได้ว่าเขาหายใจแรงขึ้น รับรู้ได้ถึงอวัยวะภายในที่เต้นระรัวใต้ริมฝีปากเมื่อผมกดจูบลงไปบนแผ่นอกข้างซ้าย เขาสะดุ้งเล็กน้อยตอนที่ผมดูดดึง ทิ้งรอยแดงๆ ห้อเลือดไว้เป็นที่ระลึก มือของอูจินสอดแทรกเข้าที่เส้นผมของผม ตอนที่ผมเลียและอ้าปากครอบครองยอดอกของเขา ร่างกายเขาแอ่นโค้งจากพื้นเตียง แล้วผมก็กลายเป็นคนไม่รู้จักพอที่อยากจะจูบเขาให้ทั่วทุกตารางนิ้วไม่ว่างเว้น รู้สึกสดชื่นเหมือนคนกระหายได้น้ำดื่ม รู้สึกดีแทบบ้าทั้งที่ตัวเองเป็นฝ่ายปรนเปรอ
            ผมเหลือบสายตาสบขึ้นกับเขาที่หลุบมอง โดยที่ปลายลิ้นยังหยอกล้อกับยอดอกข้างหนึ่งไม่ห่าง อูจินเห็นแบบนั้นก็ดูเหมือนจะเขินมาก เขาจิกทึ้งเส้นผมของผมแรงขึ้น ก่อนจะละออกแล้วยกสองมือขึ้นปิดหน้า ยังนอนนิ่งในตอนที่ผมค่อยๆ จูบไล่ลงมาถึงหน้าท้องของเขา กล้ามเนื้ออย่างคนออกกำลังกายยิ่งหดเกร็งด้วยความจั๊กจี้ตอนที่ลมหายใจของผมรินรด
            ผมปลดกระดุมกางเกงของเขาออก รูดซิปแล้วดึงมันลง มือยังคงสั่น, แน่นอน แต่เขาคงไม่เห็นเพราะถึงแม้จะเอามือที่ปิดหน้าปิดตาออกแล้วก็ยังคงไม่มองผม แต่สะโพกสอบยกให้ความร่วมมือเพื่อให้ผมรูดกางเกงแสล็คเนื้อดีให้หลุดออกไปได้ ตอนนี้เขาเหลือแค่อันเดอร์แวร์ ที่เห็นได้ชัดเจนว่ามันโป่งนูนและเปียกจากแรงอารมณ์
            “แม่ง...” อูจินสบถออกมา ตายังมองเพดาน ผมสังเกตว่าหูของเขายิ่งแดงจัด “โคตรแปลก”
            “ทำไม”
            “ไม่เคยนอนเฉยๆ แบบนี้” เขาบอก
            “นายไม่ชอบเหรอ”
            “ไม่ ฉันหมายถึง คือมันก็ดี แต่...” เขาเม้มปาก เงียบไป ส่วนผมก็นิ่งไม่กล้าทำอะไรต่อ ความอึดอัดงุ่มง่ามที่เรามองข้ามมันไปได้พักหนึ่งกลับมาแสดงตัวตนชัดเจนอีกครั้ง เขาที่เกือบเปลือย ผมที่มีแค่กางเกงคับเป้าติดท่อนล่าง ขอย้ำให้ฟังอีกรอบว่าถ้าให้ถอยหลังกลับมันคงจะ---
            “นายมีพวกมันมั้ย”
            “ฮะ?” ผมชะงัก พยายามตามเขาให้ทัน “อะไรนะ”
            “ของพวกนั้นน่ะ แบบพวก...ถุงยาง หรือไอ้ที่มันใช้สำหรับ--”
            “อ๋อ” ผมร้องออกมา ก่อนจะตัดสินใจลุกออกจากเตียงเพื่อไปค้นเอาของที่ว่าในลิ้นชักข้าง ๆ พอหยิบออกมาได้ก็กลับขึ้นเตียงให้เขาได้เห็นชัดๆ อูจินเลิกคิ้วขณะที่มองมันสลับกับหน้าผม
            เขาถาม “นายมีของพวกนี้ในห้องนอนตลอดเวลาเลยเหรอ”
            “ถุงยางน่ะมีอยู่แล้ว แต่อย่างอื่น...นายไม่อยากรู้หรอก”
            “ทำไม” เขายิ้มออกมาพอผมพูดแบบนั้น “นายคิดจะเอาไปใช้กับใคร”
            ผมไม่ตอบ แค่ไหวไหล่แล้วยิ้ม ไม่เอาน่า เราต่างรู้คำตอบกันดีอยู่แล้ว
            ถุงยางเคยเปิดกล่องแล้ว แต่เจลนั้นใหม่เอี่ยมเหมือนเพิ่งถูกหยิบจากชั้นวางขายของ นี่ยังไม่พูดถึงการที่ผมต้องทำเป็นชมนกชมไม้ระหว่างที่ยืนรอจ่ายเงินซื้อของพวกนี้ที่แคชเชียร์ อูจินไม่ถามอะไรออกมาอีกเพราะเขาน่าจะคิดได้ว่าผมเองตระเตรียมเสียพร้อมขนาดนี้ ก็เพราะแอบหวังให้ช่วงเวลานี้มาถึงเหมือนกัน
            อูจินหยัดตัวขึ้น ขยับมายืนเข่าประชันหน้ากับผม แล้วผมก็ยินดีอย่างยิ่งที่จะเปิดปากเมื่อเขาจูบแล้วสอดลิ้นเข้ามา เขาครางฮึมฮัมระหว่างจูบในตอนที่มือของผมลูบวนที่ส่วนทรมานฉ่ำชื้นของเขาใต้เนื้อผ้า มือของเขาที่สากเล็กๆ ก็ลากผ่านบ่าของผม ลูบมาที่หน้าอกและแผ่นท้อง ผมหายใจติดขัดเมื่อมือของเขาหยุดที่ขอบกางเกง เราหยุดจูบเพราะเขาก้มมองเพื่อปลดมัน นำหน้าผมโดยการดึงมันลงทีเดียวทั้งอันเดอร์แวร์ ตอนนี้ผมเป็นเพียงคนเดียวที่เปล่าเปลือย สารภาพตามตรงว่าโคตรจะประหม่า
            ผมขบกราม เกือบจะหลุดคราง ตอนที่มือของเขาลงต่ำกอบกุมส่วนนั้น พระเจ้า ผมเคยจินตนาการถึงสิ่งนี้ ในห้องน้ำยามลำพังเปล่าเปลี่ยว ว่าบางทีมือที่สาวรูดปลดปล่อยตัวเองจะรู้สึกยังไงถ้าเป็นมือของเขา แล้วตอนนี้ผมก็ต้องบอกตัวเองให้ค่อยๆ หายใจ เพราะแม่งเอ้ย มันรู้สึกดีมาก
            เขาเริ่มจากขยับมือช้าๆ เหมือนทรมานกัน ริมฝีปากสวยๆ ก็ไล่จูบนั่นจูบนี่ไปทั่วเหมือนเด็กซุกซน ไหล่ ซอกคอ กกหู มุมปาก ช่องท้องผมวูบโหวงเหมือนมีผีเสื้อบินวน แล้วเขาก็เหมือนจะขำตอนที่ผมตัวสั่นเพราะเขาบดขยี้ส่วนปลาย ผมซบหน้าลงกับไหล่อีกฝ่าย สูดหายใจเข้ากับผิวกายเปลือยเปล่า มือผมลูบไล้ขอบอันเดอร์แวร์ของเขา อยากจะทึ้งมันออก แต่ก็เปลี่ยนใจเป็นลูบสะโพกของเขาและบีบดัดบั้นท้ายตึงแน่นใต้นั้นอย่างเพลินมือ ผมจูบไหล่ของเขาเบาๆ
            “อืม..” ผมครางต่ำในลำคอ เขาขยับข้อมือรัวเร็วขึ้น ผมรู้สึกเหมือนจะขาอ่อน เดี๋ยวนะ พอก่อน ขืนเขาทำแบบนี้ไปนานกว่านี้ผมแย่แน่
            ผมเลยคว้าข้อมือเขาไว้ อูจินที่ง่วนกับคอของผมอยู่ละออก เหมือนเขาจะรู้ ดูรอยยิ้มมุมปากนั่นสิ
            “เริ่มจะหนาวแล้วนะ” ผมเลยแกล้งกลบเกลื่อนเปลี่ยนเรื่อง ดึงขอบอันเดอร์แวร์ของเขาแล้วดีดมันเบาๆ “นายก็ถอดบ้างสิ”
            อูจินนิ่งไป มือของผมเกาะที่เอวเขา เมื่อเห็นเขาไม่ว่าอะไรผมก็ค่อยๆ ดึงมันลงทีละนิด เขาเองก็ค่อยๆ เอนหลังลงไปทีละนิด จนในตอนสุดท้ายที่ผมรูดมันออกจากเรียวขาสีแทนสวย ก็เป็นตอนที่เขากลับไปนอนราบมองผมตามเดิม หูของเขาแดงอีกแล้ว แล้วภาพที่เห็นก็ยิ่งทำให้ผมปวดหนึบลงไปข้างล่าง ภาพที่เขาเปลือยเปล่านอนมองผมจากข้างใต้ในความเป็นจริงเร้าอารมณ์กว่าในความคิดเป็นไหนๆ
            ผมคงเผลอเอาแต่มองเขานานไป อีกฝ่ายเลยพูดขึ้นกลั้วหัวเราะเจื่อนๆ เหมือนจะอาย “เราจะอยู่กันอย่างนี้ทั้งคืน หรือว่ายังไง”
            ผมเขินมาก, ประหม่าและมือยังไม่หายสั่น แต่ก็อยากให้เขารู้สึกดีที่สุด เลยใช้มือสั่นๆ ของตัวเองลูบไล้เรียวขาของเขา สูงขึ้นลามมาถึงต้นขา ค่อยๆ ก้มลงจูบที่หน้าท้องของเขาขณะที่ยกขาเจ้าตัวข้างหนึ่งขึ้นวางบนบ่า อูจินตัวสั่นตอนที่ผมดูดดึงต้นขาด้านในของเขา มืออีกข้างก็ยังลูบไล้ ละทิ้งส่วนกลางกายที่น่าสงสารเอาไว้อย่างจงใจ แล้วในตอนที่เขาดูเหมือนจะหงุดหงิด ผมก็กอบกุมรูดรั้ง ร่างกายเขาบิดเร่าด้วยมือของผมเพียงข้างเดียว
            อูจินเผยอปากหายใจ ผมเพิ่งจะนึกได้ว่ายังไม่ได้ยินเสียงเขาครางชัดๆ เลยสักครั้ง มีแต่เสียงหอบหายใจหนักๆ ของเขาและเสียงหอบกระเส่าของผม ไม่เห็นเหมือนในหนังรักพวกนั้นเลย พวกเขาร้องทีเหมือนจะเรียกตำรวจมาเคาะประตูห้องได้ หรือเพราะผมเองยังไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลยนะ
            คิดได้แบบนั้นผมก็หยุด อูจินหลุบสายตามองผมที่หันไปหยิบของข้างๆ มาเทใส่มือ ความเย็นทำให้ผมขนลุก หรือเป็นเพราะผมเองก็ตื่นเต้นไม่รู้เหมือนกัน อูจินเองก็ไม่ต่าง เขาเม้มปากในตอนที่นิ้วมือของผมชุ่มและแวววาวด้วยสิ่งนั้น
            “ฉันต้องเตรียมนายให้พร้อม” ผมพูด เลียริมฝีปากที่แห้งผาก สบตาเขา “มันจะทำให้นายไม่เจ็บ”
            ผมพยายามแสดงออกว่าผมมั่นใจ แม้ภายในกำลังสติแตกและกังวลว่าจะทำทุกอย่างพัง ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะนั่งเปิดกูเกิ้ลตอนนี้ด้วยซ้ำ ถึงแม้ผมจะศึกษาทางทฤษฎีผ่านวิดิโอมาเยอะ แต่พอเจอของจริงก็ต้องยอมรับเลยว่ารู้สึกเป็นไก่อ่อนมาก ๆ
            อูจินสูดหายใจเข้า ตอนที่ผมก้มจูบปากเขาเร็วๆ “หันหลังน่าจะง่ายกว่า”
            ผมถอยออกมาเพื่อให้เวลาเขา อูจินดูประหม่ามาก เขาค่อยๆ ยันตัวขึ้นบนเข่าโดยที่ไม่มองหน้าผม พลิกตัวแล้วน้อมกายลงบนข้อศอก สะโพกเขายกขึ้น เปิดเผยเปลือยเปล่าชัดเจน พอไม่มีเขาจับจ้องผมก็ฉวยโอกาสลามเลียเขาด้วยสายตาตั้งแต่ต้นคอ แผ่นหลังเนียนน่าลูบ และบั้นท้ายกลมกลึง เขาหุ่นดีมาก ผิวสีแทนของเขาดูเย้ายวนจนผมอดไม่ได้ที่จะสัมผัส ลูบไล้พลางเปล่งเสียงด้วยลำคอที่เกือบจะแห้งผาก “นายอยากให้ฉันพูดตลอดมั้ย”
            “หือ? ยังไง”
            “ก็แบบ ...อย่างตอนนี้ฉันกำลังจะใส่นิ้วแรกเข้าไปแล้วนะ”
            จากด้านหลังแบบนี้ หูของเขายังคงแดง แล้วเขาก็ดูอึกอักไม่ตอบอะไร ผมใช้จังหวะนั้นลากมือจากหนั่นเนื้อด้านหนึ่งมาหยุดนวดคลึงที่บริเวณปากทางของเขา อูจินเกร็งจัด ผมโน้มตัวลงจูบลงที่ร่องหลังของเขา ดูดดึงและลากลิ้นไล้เลีย ค่อยๆ ต่ำลงจนถึงบั้นท้ายแน่นตึงด้านหนึ่ง ผมหยุดเพื่อหยั่งเชิง ก่อนจะตัดสินใจจูบแล้วกัดมันเบาๆ จนเขาสะดุ้ง แต่เมื่อเขาไม่ว่าอะไรผมก็ตามใจตัวเองจนด้านหลังของเขาเต็มไปด้วยรอย ผมทั้งนวดเฟ้นทั้งลูบไล้ ทั้งคลึงอยู่นานจนเขาผ่อนคลาย สุดท้ายก็ตัดสินใจทำตามที่บอกไว้ตั้งแต่แรกโดยการกดแทรกนิ้วเข้าไป
            ความลื่นและเปียกชุ่มของอุปกรณ์ที่เตรียมพร้อมทำให้ทุกอย่างดูง่ายขึ้น ผมกดแช่ค้างพักหนึ่ง ยังไม่กล้าขยับ ใจผมเต้นเหมือนคนกำลังวิ่ง ข้างในตัวเขาแน่นมาก แล้วผมก็นึกไม่ออกว่าถ้าเป็นตัวตนผมแทนจะเป็นนิ้วจะยิ่งขนาดไหน
            “เป็นยังไง”
            “...อืม—แปลก”
            เสียงเขาตอบกลับมา เจ้าตัวก้มหน้าลงแทบจะซบลงไปกับหมอนที่หยิบมารอง คำตอบนั้นถือว่าไม่น่าเป็นห่วง ผมเลยลองขยับเข้าออกช้าๆ เมื่อไม่มีสัญญาณที่ว่าอีกฝ่ายรู้สึกไม่ดี ผมก็เริ่มเร่งจังหวะแล้วหมุนวนไปทั่ว ตามที่เคยอ่านมาคือจะมีจุดๆ หนึ่งที่ทำให้—
            อูจินสะดุ้งจนผมตกใจ ผมได้ยินเขาสบถอู้อี้กับหมอน สะโพกเขาลอยเด่น ยิ่งผมลองเน้นย้ำกับจุดนั้นขาเขาก็ยิ่งสั่น
            “ตรงนี้หรือเปล่า” ผมถาม ขยี้จุดนั้นจนข้างในเขายิ่งตอดรัด อูจินตัวสั่นไปหมด “ตรงนี้รู้สึกดีใช่มั้ย”
            ในที่สุดผมก็ได้ยินเสียงของเขาคราง แล้วก็เป็นผมเองที่ตัวสั่น เสียงกระเส่าของเขามากพอที่จะทำให้ข้างล่างผมปวดแทบระเบิด
            ผมขยับนิ้วเร็วขึ้น เมื่อเห็นว่าเขาโอเคผมก็หันไปใช้อีกมือหยิบสิ่งหล่อลื่นมาเทเพิ่ม กระซิบบอกปะปนลมหายใจด้วยแรงอารมณ์ “อีกนิ้วนะ”
            อูจินสบถอีกแล้ว ผมพยายามทำเหมือนเดิมเพื่อไม่ให้เขารู้สึกแย่ กดแช่ค้างไว้เพื่อให้แน่ใจ แต่คราวนี้เป็นเขาเองที่กระซิบบอกให้ขยับ อูจินหายใจแรงมาก ผมยิ่งเน้นขยับขยี้หาจุดนั้นด้วยใจลึกๆ ว่าอยากให้เขาบิดเร่าครางไม่เป็นศัพท์ด้วยฝีมือผม ให้ตายเถอะ ผมเองก็จะไม่ไหวแล้ว
            “เจ็บมั้ย” ผมกระซิบถาม
            เขาส่ายหน้ากับหมอน “แค่แน่น”
            “...อีกนะ อีกนิดนึง”
            เมื่อเขาพยักหน้า เราเริ่มต้นทำแบบเดิมใหม่อีกรอบ ผมเห็นมือของเขากำแน่นจนผ้าปูที่นอนยับ กลัวว่าเขาจะเจ็บ แต่พอเขากระซิบบอกว่าพร้อมแล้วอีกครั้ง ผมเองก็อดไม่ได้ที่จะรังแกเขาจนต้นขาสีแทนสั่นแทบยืนไม่อยู่
            “โอเคมั้ย” ผมถาม ยังไม่หยุดขยับมือ ผมไม่เห็นสีหน้าเขา ได้ยินเสียงครางอึกอักเล็ดลอดออกมาแต่ไม่มีคำตอบ ผมก้มลงจูบแผ่นหลังเนียน นวดเคล้นบั้นท้ายเขาจนมันขึ้นรอย
            “...คิดว่าโอเค” อูจินตอบในตอนที่ผมแทบจะลืมคำถามไปแล้ว เขายันตัวขึ้นบนข้อศอกอีกครั้ง พยายามจะประคองตัวเองทั้งๆ ที่เนื้อตัวสั่นเป็นลูกนก หัวใจผมเต้นแรงเมื่อยิ่งนึกถึงอะไรที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อไป
            “แน่ใจนะ” จังหวะเชื่องช้าลง ผมหมุนวนเพื่อแน่ใจว่าทุกอย่างขยับขยายเตรียมพร้อม อูจินคราง แล้วมันก็เพราะชะมัดเลย “โอเคแน่นะ เพราะว่าของจริงมันจะใหญ่กว่านี้”
            “กำลังอวดอยู่หรือไง” อูจินพูดไม่จริงจัง ผมไม่เห็นหน้าเขา เขาก้มหน้าลง แต่น้ำเสียงนั้นกลั้วหัวเราะ บรรยากาศดูหายใจหายคอขึ้นมาได้บ้าง
            “ก็เห็นแล้ว น่าจะรู้ๆ กันอยู่” ผมหยอก
            “ถามจริง เราต้องมาคุยเรื่องนี้กันตอนที่นิ้วนายอยู่ในตัวฉันเหรอ” อูจินเหลียวหน้ากลับมามอง แล้วหัวใจผมก็แทบหยุดเต้น เพราะดวงตาเขาช่างฉ่ำไปด้วยแรงอารมณ์  
            “รีบทำเถอะ ฉันโอเคแล้ว”
            อูจินสะดุ้งผวาตอนผมถอนนิ้วออก ผมเอาแต่ท่องว่าอย่าทำทุกอย่างพังซ้ำไปซ้ำมาในหัว ความงุ่นง่านกลับมาอีกครั้ง เขาเหลียวมามองเหมือนไม่แน่ใจอะไรนัก แล้วผมก็ไม่รู้ว่าเขากำลังสงสัยอะไร
            “เอ่อ...” อูจินมองผม “ฉันควรจะ— อยู่อย่างนี้ หรือว่านอนหงาย”
            “ฉันอยากมองหน้านาย”
            ผมตอบ รู้สึกเหมือนตัวจะระเบิด ในหนังรักพวกนั้นไม่เห็นจะฉายตอนที่พระนางเงอะงะกระอักกระอ่วนกันแบบนี้เลย อูจินชะงักไป แต่หลังจากที่ความเงียบเข้าแทรกบทสนทนาวินาทีหนึ่ง เขาก็พลิกตัว กลับมานอนมองผมจากใต้ร่างเหมือนถอดแบบออกมาจากความฝันคิดไม่ซื่อของผมอีกครั้ง
            ผมแกะห่อฟอยล์และสวมมันโดยที่มือยังคงสั่นน้อยๆ ผมไม่อยากให้เขามอง เลยก้มลงจูบเขา ซุกไซ้ซอกคอและดูดดึงผิวเนื้อ หวังเพียงให้เขารู้สึกดี ไม่ใช่เพราะว่าผมไม่มั่นใจหรืออะไร แต่แค่ไม่อยากให้เขารู้สึกกลัว ถึงเขาจะไม่แสดงออกก็เถอะ แต่ถ้าเป็นมีใครจะเอาอะไรแทรกสอดเข้ามาในตัวผม เป็นผมก็คงจะสติแตกเหมือนกัน
            อูจินครางในลำคอ เขาหลับตาลง ขมวดคิ้ว
            คิดอะไรอยู่ ผมถามเมื่อเห็นแบบนั้น
            เอาตรงๆนะ เขาค่อยๆ ลืมตา กำลังคิดว่าแบบไหนถึงจะเจ็บน้อยที่สุด
            ผมนิ่งไป อยากจะตอบว่าบางคนบอกว่าการออนท็อปในครั้งแรกจะให้ความรู้สึกดีและเจ็บน้อยที่สุด แต่ผมไม่กล้า อีกนัยหนึ่งแค่นึกภาพว่าต้องมองอูจินปีนขึ้นมาบนตัวผม ค่อยๆ กลืนกินผมทีละนิด สบตาแล้วมองเขาเผยอปากครางโชว์เขี้ยวเสน่ห์นั่น พนันเลยว่าผมต้องจอดไม่ต้องแจวตั้งแต่นาทีแรก แล้วนั่นก็คงน่าอับอายสุด ๆ
            ถ้านายยังไม่โอเค..
            “เลิกพูดเถอะน่า ยิ่งถามบ่อย ฉันก็เริ่มจะลังเลแล้ว”
            ผมเลยหุบปากเงียบ โอเค ไม่ถามแล้วก็ได้
            ฉันจะค่อยๆ
            ผมบอกแค่นั้น อูจินพยักหน้า เขาหลับตา ผมสูดหายใจเข้าขณะยกขาอีกฝ่ายเกาะเกี่ยวเข้าเอว ส่งเสียงเชียร์ตัวเองในใจ ใจร่มๆ ไว้จีฮุน แล้วก็ค่อยประคองตัวเองจดจ่อตรงนั้น ค่อยๆ กดแทรกเข้าไป
            “ไม่ต้องเกร็ง” ผมกระซิบบอกเขาแบบนั้น ไม่ก็กำลังบอกตัวเองอยู่ อูจินขมวดคิ้วแน่น ตอนผมค่อยๆ กดตัวตนเข้าไปอีก ผมสบถกับตัวเองเบาๆ “เชี่ย..”
            แค่ปลายก็แทบจะเสร็จ หายใจเข้าไว้จีฮุน
            ผมค่อยเป็นค่อยไปจนในที่สุดความอุ่นร้อนก็โอบล้อมผมไว้โดยสมบูรณ์ อูจินคว้าไหล่ผมไว้พอๆ กับผมที่ขบกรามแน่น ข้างในตัวอูจินตอดรัดเป็นจังหวะตุบๆ แล้วผมก็แทบตาลาย เขากระซิบโดยที่ยังไม่ลืมตา
            เดี๋ยวนะ อย่าเพิ่งขยับ
            ไม่อยู่แล้ว ถ้าขยับตอนนี้มีหวังผมอับอายไปถึงชาติหน้า
            อูจินขมวดคิ้วแน่น ผมจูบไปตามกรอบหน้าของเขา ใบหู ซอกคอ มือของผมลูบไล้ตามต้นขาและปลีน่องที่เกาะเกี่ยวเอว รอเวลาที่เขาจะใจเย็น แล้วก็รอเวลาให้ผมใจเย็นๆ ด้วย
            “เป็นยังไง” ผมถามเพื่อความแน่ใจ
            “มันใหญ่-- คับไปหมดเลย”
            ให้ตายเถอะ เขาไม่รู้หรือไงว่าพูดแบบนี้มันจะทำให้ยิ่งคึก ใจผมเตลิดไปหมดแล้วเนี่ย
            ผมค่อยๆ ขยับสะโพก สบถกับตัวเองเบาๆ อีกครั้งเพราะมันแน่นมาก อูจินผวากอดผมแน่น ลมหายใจของเขาเป่ารดข้างคอผม ผมทำมันช้าๆ อย่างใจเย็น ดึงออกเกือบสุดปลายและดันมันเข้าไปจนสุด ห้องนี้ค่อนข้างเงียบ แล้วก็เพราะเขาอยู่ใกล้ ผมทำอย่างนั้นอยู่นาน จดจ่ออยู่กับเสียงหอบหายใจของเขาและของตัวเองที่ชัดเจน และยิ่งชัดเจนกว่าเสียงไหนตอนในที่สุดที่เขากระซิบ
            “...เร็วกว่านี้ก็ได้”
            ห้องนี้ค่อนข้างเงียบ ใจผมเต้นแรงมากจนผมกลัวว่าเขาจะได้ยิน
            ผมค่อยๆ ขยับสะโพกเร็วขึ้น เร็วขึ้น เรียวขาของเขาตวัดพาดเกี่ยวรัดเอวของผม สุดท้ายฟางเส้นสุดท้ายก็ขาดผึง ผมกระทั้นกระแทกในจังหวะที่เร็วขึ้นตามแรงอารมณ์ที่พุ่งสูง ทุกครั้งที่ดึงออกข้างในตัวเขาก็ดูดดึงตอดรัดเอาไว้ราวกับไม่อยากให้ผละจาก รู้สึกดีจนแทบบ้า ผมซบลงที่ซอกคอเขาแล้วขยับสะโพกรัวเร็ว กลางกายเขาถูไถเสียดสีอยู่บริเวณหน้าท้องของผมเวลาขยับ อูจินหายใจกระเส่า ผมรู้สึกถึงเล็บสั้นกุดของของลากไล้บนแผ่นหลัง
            “อา...” ผมคราง งับลงที่ข้างลำคอที่เชิดขึ้นของเขาเบาๆ จูบและขบเม้มที่ติ่งหู ข้างในเขายิ่งตอดรัดจนผมขบกราม เขาความรู้สึกไวเหลือเกิน
            อูจินเม้มปากเหมือนกลั้นเสียง จนผมกระทั้นโดนจุดหนึ่งเขาถึงหลุดร้องออกมา แล้วผมก็ยิ่งได้ใจ ควงสะโพกบดขยี้เน้นย้ำที่เดิมซ้ำๆ เพียงแค่เพราะจะได้ยินเสียงของเขาชัดๆ เหมือนเชื้อเพลงที่ยิ่งทำให้ไฟลุกกระหน่ำ เขาครางแหบต่ำในลำคอข้างหูผมตามจังหวะกระแทกจนเหมือนจะขาดใจ
            “จะ...จะเสร็จแล้ว”
            เร็วกว่าที่คิด ผมผงกหัวขึ้นมองเขา แล้วนี่ก็เป็นครั้งแรกที่เราได้สบตากันในระยะใกล้ชิดขนาดนี้ ใกล้เสียจนผมมองเห็นเขาน้ำตาคลอน้อยๆ จากแรงอารมณ์ ใกล้เสียจนผมเห็นเงาสะท้อนตัวเองในแววตาของเขา ใกล้เสียจนเราแบ่งปันลมหายใจร่วมกัน ใกล้เสียจนผมไม่อยากจะเชื่อว่านี่คือความจริง
            ผมจูบเขา กักกลืนเสียงหวีดร้องสุดท้ายของเขาลงคอ หัวใจพองโตกับจูบที่ตอบรับกลับมา กับกอดของเขาที่โอบรัดผมแน่น ผมผละออกมองเขาที่อ่อนเปลี้ย ดวงตาล่องลอยและริมฝีปากที่เผยอหอบหายใจ
            สาบานเลย ผมพยายามแล้ว บอกตัวเองให้หายใจ แทบจะบอกให้ตัวเองหลับตาเพื่อลดปัจจัยความเสี่ยงไปอีกอย่าง เพราะเมื่อก่อนแค่ภาพของเขาในหัวยังทำผมแทบทนไม่ไหว แล้วนี่คือพัคอูจินตัวจริงที่นอนอยู่ข้างใต้ผม ร่างกายเห่อแดงเพราะผม เสียงครางอึกอักในลำคอก็เพราะผม คนที่ทำให้เขารู้สึกดีจนแทบน้ำตาไหลก็เป็นผมเหมือนกัน มันจึงช่วยไม่ได้ที่ผมอยากจะจดจำภาพทุกวินาทีเอาไว้ เก็บมันไว้ในส่วนลึกที่สุดของความทรงจำระยะยาวที่ผมจะไม่มีทางลืม
            และแน่นอน ด้วยเหตุนี้, ผมถึงฝั่งฝันหลังจากเขาไม่นานนัก
            ผมทิ้งกายทาบทับตัวเขา หอบหายใจ รู้สึกเหมือนลอยได้ นานเท่าไหร่ไม่รู้ที่ปล่อยให้ห้วงอารมณ์ที่ทะยานสูงค่อยๆ ฉุดดึงผมกลับสู่พื้น ตอนนั้นเองถึงได้ยินเสียงคนข้างใต้บ่นว่าหนัก ผมถึงถอนกายออกด้วยใจเสียดาย ร่างกายเขายังคงดูดดึงรั้งเอาไว้เหมือนไม่อยากให้จากไป ผมกลิ้งพลิกตัวลงมานอนข้างๆ เขา เมื่อหันมองอูจินยังคงหายใจแรงด้วยความเหนื่อยอ่อน ผิวแทนของเขาดูเป็นประกายจากแสงไฟเมืองที่เล็ดลอดผ่านมาทางหน้าต่าง ผมยังรู้สึกเหมือนอยู่ในฝัน ฝันดีที่เกิดขึ้นและจบลงรวดเร็วไม่ทันตั้งตัว นี่ก็อีกอย่างที่ไม่เห็นจะเหมือนในหนังเลย ผมคงไม่มีความอดทนพอที่จะร่วมรักกับเขายันเช้า ถึงแม้จะอยากก็ตาม
            ผมรู้สึกอยากจะบอกรักเขา บ้าเอ้ย ผมไม่เคยเข้าใจอะไรเลี่ยนๆ อย่างการบอกรักกันหลังมีเซ็กส์ในหนังโรแมนติคพวกนั้น แต่ตอนนี้ผมรู้สึกอยากจะพูดมันออกมาจริงๆ 
            อูจิน
            ว่าไง
            เขาตอบกลับมาโดยที่ไม่ลืมตา ผมของเขายุ่งแล้ว ร่างกายชื้นเหงื่อ เราเลอะเทอะยุ่งเหยิงด้วยกันทั้งคู่ แต่เขายังดูดี งดงามเหลือเกินในตอนที่ผมนอนมองเขาแบบนี้ หน้าอกเขากระเพื่อมขึ้นลงเป็นจังหวะตามลมหายใจสม่ำเสมอ มองเขาแบบนี้ยิ่งย้ำว่าทุกอย่างนั้นเพิ่งจะเกิดขึ้นจริงๆ ทุกอย่างที่ผ่านมาผมได้แต่เฝ้าจินตนาการถึง
            ผมมองเขา แล้วก็เกิดสงสัยว่าในวันพรุ่งนี้ตอนที่เราตื่นขึ้นมาอีกที เราจะเสียใจกับเรื่องพวกนี้มั้ย มันอาจจะเป็นแค่อารมณ์ชั่ววูบ แค่ฝันดี ที่พรุ่งนี้เราจะเพิ่งคิดได้ว่าทำอะไรลงไป
            อย่างไรก็ตาม ผมไม่เสียใจ, ไม่เลยแม้แต่นิดเดียว
            “ฉันชอบนายมากๆ นะ รู้ใช่มั้ย?”
            อูจินเงียบไป เขายังคงหลับตา ลมหายใจที่ลึกยาวสม่ำเสมอแบบนั้นทำให้ผมคิดว่าเขาหลับไปแล้ว
            “อืม รู้”
            แต่มุมปากของเขาก็หยักขึ้นคล้ายรอยยิ้ม
            ไม่รู้หรอกว่าตื่นขึ้นมาพรุ่งนี้แล้วทุกอย่างจะเป็นอย่างไร
            แต่ผมก็หวังว่ามันจะแฮปปี้เหมือนในหนังรักพวกนั้นสักที.


 #edenfic



ทอล์ค
หมดสิ้นแล้วพลังชีวิต555555555เหนื่อย
ฮือ แล้วคือห้าพันกว่าคำ pure nc ไม่มี intro อารัมภบทใดๆ ทั้งสิ้น  /หายใจใส่ถุง
พูดไรดี สติไม่มีแล้ว5555555 ลืมหมด
ไม่ได้เขียน POV แบบนี้มานานแล้ว เหมือนเดิมเลยเราเปิดคอมเม้นแบบ anonymous ข้างใต้นี้ หรือที่เดิมเลย แท็ก #edenfic ฮึบฮึบ ขอบคุณมากค่า ;-;



12 comments:

  1. โอ๊ย นี่มันดีมากๆเลยค่ะ เรียลมาก ดีมากเลย จีฮุนดูชอบอูจินมาก ทุกอย่างมันแสดงออกมาทางร่างกายหมดเลย ไรท์บรรยายดีมากอะ ฮือ แต่งอีกนะคะ ㅠㅡㅠ

    ReplyDelete
  2. ชอบมากๆเลยค่ะ
    ถึงจะเป็นฟิคpwp แต่ทุกอย่างในเรื่องมันawkwardได้น่ารักน่าเอ็นดูมากๆ
    เป็นเรื่องราวแซ่บๆในค่ำคืนแรกของเด็กหนุ่มที่ก้าวไปเป็นผู้ใหญ่สองคน
    ชอบความประหม่า ชอบความมือสั่น ชอบความบ่นกับตัวเอง
    เป็นครั้งแรกที่ดูเป็นครั้งแรกจริงๆ
    ฮือออ ชอบหมดเลยยยยย
    ขอบคุณนะคะ

    ReplyDelete
  3. โอ้มายก็อดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด เราใช้เวลาอ่านนานมากๆเลยไรท์ ค่อยๆอ่านช้าตามที่ไรท์บอก ละเราเขินมาก มั่ยหวั่ยหว่ะ หายใจจาไม่ทัน ต้องพักก่อนแล้วมาอ่านใหม่ หน้าร้อนๆ
    บรรยายได้สุดยอดมากเลย ทำให้เราเหมือนเป็นหนึ่งในตัวละครไปได้เลยอะ ทั้งกังวล ตื่นเต้น ไปพร้อมสองคน บั่บบบบบบ บ้าเอ้ยยยยยย ใจสั่น เขินๆๆๆๆๆๆๆๆๆโว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
    เราชอบนะจิงๆ ความกระอักกระอ่วนน้อยๆของทั้งสองคน ขัดเขินมากกับครั้งแรกกับเทอ วรั้ยๆๆๆๆๆ จินตนาการทุกอย่างที่จีฮุนเคยทำ มันได้มาอยู่ตรงหน้าแบบนี้แร้ว บั่บบบบบบ ฮร่อกกกก

    ReplyDelete
  4. คือมันดี เป็นเอ็นซีที่ทำเราเขินและกระอักกระอ่วนไปพร้อมทั้งสองคนเลย ทูพัคในจิตนาการของเราเป็นแบบนี้แหละ ไมารู้จะอธิบายคำว่าเป็นแบบนี้ยังไง แต่เนี่ยแหละใช่ ฮืออออออออออ ขอบคุณที่แต่งเรื่องนี้นะคะ เยียวยาจิตใจเราเหลือเกิน❤

    ReplyDelete
  5. ฮืออออออออ เราต้องอ่านไปหยุดกรี๊ดไป คือมันดีมากๆๆๆเลยค่ะ ชอบคาแรคเตอร์น้องทั้งสองคนเรื่องนี้มาก เป็นncที่แบบน่าเอ็นดูมากแต่ก็เขินมากกกกเช่นกัน มันดีไปหมดเลยอ่ะ ชอบมากค่ะ ขอบคุณไรท์ที่แต่งเรื่องนี้นะคะ ถ้าเป็นไปได้ก็อยากอ่านทูพัคจากไรท์อีกนะคะ ฮืออรอติดตามนะคะ

    ReplyDelete
  6. ออมอ เราเพิ่งเจอฟิคตัวเองเเล้วก็รู้สึกว่าเราเเม่งไปอยู่ไหนมาวะ ทำไมเพิ่งมาเจอฟิคที่ภาษาถูกจริตเราขนาดนี้ เเอคหลักอยู่ไหนอะคะมาให้จุ๊บกระหม่อมที!!!!!!!! มะโห เป็นncที่เราชอบมากเลยค่ะ ดูเป็นครั้งเเรกดูกระอักกระอ่วนเเปลกๆเเต่น่าเอ็นดู ขอบคุณที่เเต่งให้อ่านนะคะ :-)

    ReplyDelete
  7. แม่เจ้าาาาาา อยากกรีดร้องดังๆ ฮอตฉ่าระดับพริกกะเหรี่ยง เขินที่จีฮุนพยายามค่อยเป็นค่อยไปกับคนั้งแรกของอูจิน ฮือออ

    ReplyDelete
  8. ฮืออออออ เป็นเอ็นซีที่เรียลมากก รักกก

    ReplyDelete
  9. ดีมากเลยค่ะะะะะชอบแบบนี้มากเลย ทั้งๆที่เป็นเอ็นซีแต่เราเองก็ได้รับรู้ถึงอารมณ์ความรู้สึกพวกเค้าแบบนั้น ไม่ใช่แบบที่มีแต่เสียงตับๆในหัว5555555พอนึกออกใช่มั้ยคะ ส่วนตัวชอบแบบนี้มากกกกกเลยค่ะ ปกติเราไม่ใช่สายอูจินน้องจ๋าอะไรแบบนั้น แต่เรากลับชอบคาแรกเตอร์น้องในนี้มาก ขอบคุณนะคะ เปิดโลกเลย แงง รักนะคะ

    ReplyDelete
  10. แง้ มันดีมากกกก
    ชอบการบรรยายncแบบนี้มากเลย แบบที่ได้รู้ว่าตัวละครนึกคิดอะไรอยู่ โอ้ยยยยคืออธิบายไม่เก่งแต่ชอบมากๆๆๆๆ

    ReplyDelete
  11. ดีมากๆ แบบโคตรดี ถ่ายทอดในมุมมองความคิดของจีฮุน อ่านไปลุ้นไป เอาใจช่วยจีฮุนไปตลอดเลยค่ะ55555555 ชอบภาษามากๆเลย เป็นสาย NC ที่ภาษาสวย แทนที่จะหยาบโลนก็กลายเป็นโรแมนติกได้ซะอย่างนั้น ฮืออออออ

    ReplyDelete
  12. ดีมากกกเลย อ่านแล้วภาษาเคลิ้มมาก หลงเลยค่ะ

    ReplyDelete