Sunday, February 4, 2018

Wait a sec #Hwangwoo

Wait a sec
(Hwang Minhyun x Park woojin)



สั้น ไถสองทีก็หมดแล้ว
warning: dirty thoughts


            พัคอูจินคือเด็กผู้ชายคนหนึ่งทั่วไป ไม่ได้ขาวใส ผิวสีเข้ม นอกจากหน้าอกจะแบนราบแล้วเนื้อตัวยังแข็งเต็มไปด้วยกล้ามเนื้ออย่างเด็กออกกำลังกาย กวนประสาท ห่าม และปีนเกลียวเก่งที่หนึ่ง บางวันนึกอยากจะใส่เสื้อกล้ามย้วยๆ กางเกงบอลเก่าๆ มาปักหลักอยู่ที่ห้องของเขาหน้าตาเฉยก็มา ความเกรงอกเกรงใจสักนิดก็ไม่มี
            มินฮยอนสูดหายใจเข้า ทวนมันอีกสักรอบ
            พัคอูจินก็แค่เด็กผู้ชายคนหนึ่งทั่วไป ไม่เห็นจะมีอะไร ไม่เห็นจะมีตรงไหน ไม่เห็นว่าจะมีทางใดที่จะทำให้คนอย่างเขารู้สึก---
            “นั่งดีๆ” มินฮยอนรีบพูดในตอนที่พวกเขานั่งอยู่บนพื้นพรม หลังพิงโซฟา มีจอยคอนโทรลคนละตัวและเกมฉายบนโทรทัศน์หนึ่งเครื่อง
            “ทำไมอ่ะ” คนเด็กกว่าในห้องเหลือบสายตามอง ไม่ได้กระดิกตัวเลยสักนิดนอกจากมุมปากที่ยกขึ้นน้อยๆ “เห็นขาอ่อนผมแล้วใจสั่นเหรอ”
            เออ
            “กล้าพูด”
            มินฮยอนส่งมือไปผลักหัวอีกคนเบาๆ แล้วพยายามเบนสายตากลับมาที่จอทีวีอีกครั้ง จอยเกมในมือก็เริ่มจะรัวนิ้วมั่วจนโดนด่า แต่มันช่วยไม่ได้ เพราะตาของเขามันรังแต่จะไปสนใจอยู่กับแค่เรียวขาที่ตั้งขึ้นจนกางเกงบอลขากว้างๆ นั่นร่นลง พูดอะไรก็ไม่เคยฟังกันเลย เสื้อกล้ามที่ติดกายอีกฝ่ายนั้นก็ดูไร้ประโยชน์ในการเป็นเสื้อผ้า ถ้าจะตัวใหญ่คอกว้างจนขยับนิดขยับหน่อยก็เห็นไปถึงไหนแบบนั้น
            นี่ยังไม่รวมถึงการที่มันดูท่าทางถอดง่า-- หยุด หยุดไว้แค่ตรงนั้นแหละ
            “เยี่ยม พี่ทำเราตาย” อูจินพูดขึ้นจนเขาแทบสะดุ้ง ดวงตาเฉี่ยวนั่นหันมาตวัดมองด้วยสีหน้าที่เขาจำกัดความได้ว่ากวนประสาท “ตื่นเต้นเลย ไม่เคยเล่นกับคนที่ห่วยขนาดนี้มาก่อน”
            “ปากดี”
            “ลองมั้ยล่ะ”
            ไอ้เด็กนี่
            มินฮยอนอยากจะเอาจอยเกมเคาะหัวอีกฝ่ายสักที ข้อหาถนัดเหลือเกินในการล้อเล่นยั่วเย้า ทำเหมือนว่าตัวเองเจนจัดนักหนา ตอนรู้จักกันช่วงแรกๆ ว่าหนักแล้ว แต่พอหลังจากที่เขาเผลอหลุดปากไปเพียงครั้งเดียวว่าไม่เคยมีแฟน ก็เหมือนยิ่งไปกระตุ้นต่อมเด็กผีของอีกฝ่ายให้ทำงานหนักขึ้น
            ‘จริงดิ’ อูจินเลิกคิ้วเหมือนไม่เชื่อ ‘ไม่เคยมีแฟนสักคนเลยจริงอ่ะ’
            ‘...’
            ‘งี้ก็ไม่เคยจูบอ่ะดิ เคยมีอะไรกับใครป่ะ อย่าบอกนะว่ายังจิ้น’
            ‘นี่’
            ‘แหงเลย ที่แท้ก็ไก่อ่อนนี่เอง’ พูดเสร็จก็ยิ้มโชว์เขี้ยวมีเลศนัย  ‘ผมสอนให้เอาเปล่า’
            จำได้ว่าตอนนั้นมินฮยอนดีดหน้าผากเด็กปีนเกลียวไปที แต่ก็เหมือนไม่ได้ช่วยทำให้อีกฝ่ายคิดอะไรขึ้นมาได้ หนำซ้ำยังเพิ่มระดับการพูดจาสองแง่สองงามไปอีกเลเวล แล้วชอบล้อเล่นเหมือนว่าตัวเองเป็นวัยกลางคนชำนิชาญที่เอ็นดูเด็กเวอร์จิ้นอย่างเขา
            โทษทีนะ ถึงไม่มีแฟน ก็ไม่ได้หมายความว่าเรื่องแบบนี้ไม่เคยมั้ยวะ
            ยิ่งไปกว่านั้น ไม่มีแฟน ก็ไม่ได้หมายความว่าเรื่องแบบนี้เขาจะไม่คิด
            เพราะอย่างนั้น มันจึงเป็นเรื่องที่ทั้งน่าหงุดหงิด น่ารำคาญ แล้วก็น่าเหนื่อยใจมากที่อูจินมองว่าการล้อเล่นกับเขาแบบนี้เป็นเรื่องสนุก เพราะเขาไม่สนุก หนึ่งเลยเพราะเขาไม่ใช่ไก่อ่อน และสอง ถ้าเขาเอาจริงขึ้นมาล่ะก็ รับรองไอ้เด็กนี่คงไม่สนุกด้วยแน่ๆ
            “ใครกันแน่ที่อ่อน” มินฮยอนพูดขึ้นเมื่อตัวละครในเกมของเด็กข้างๆ ชิงตายไปก่อนที่ภารกิจจะจบ ทิ้งให้ตัวละครของเขาตะลุยผ่านด่านไปคนเดียว อูจินส่งเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอ ดูท่าทางหงุดหงิดจนเขาหัวเราะหึ ต้องรอให้เขาเล่นจบตานี้อีกนานกว่าตัวละครอีกฝ่ายจะกลับมาเล่นอีกได้
            “ก็พี่ไม่ทำไรเลยก็ไม่ตายดิ ปล่อยให้ผมนำอยู่คนเดียว”
            “แพ้แล้วไม่พาลสิครับ” มินฮยอนยิ้มมุมปากในแบบที่รู้ว่ายียวน ยินเสียงสบถน่าตีลอยมาแผ่วเบาจนต้องหันไปปรามด้วยสายตา อูจินเงียบไปสักพัก ปล่อยให้เขาใจจดใจจ่อกับภาพในเกมและปุ่มกดในมือ เกือบจะชมอยู่แล้วว่าอีกคนอยู่นิ่งๆ ก็ทำได้ ถ้าหลังจากนั้นไม่รู้สึกถึงกลุ่มผมที่มาระอยู่แถวต้นคอเสียก่อน
            “กระดูกไม่มีหรือไง” เขาบ่นหน่ายๆ ขยับแขนเปลี่ยนท่าให้ถนัดเล็กน้อยเพราะว่ามีคนทำตัวเหลวพิงมาใส่ทั้งตัวแบบนี้ อูจินครางรับในลำคอกลับมา
            “อือ”
            “ออกไป เล่นไม่ถนัด”
            “เออ ตายไปเลย”
            ยัง ยังไม่สำนึก
            มินฮยอนขี้เกียจต่อล้อต่อเถียง อยากจะรีบเล่นให้จบด่าน เขาดึงความสนใจกลับมาที่จอทีวี บังคับจอยเพื่อส่ายปืนไปมาท่ามกลางความมืดในเกม มนุษย์ไร้กระดูกขยับตัวยึกยัก ก่อนที่ความหนักจะเบาไปเมื่อเจ้าตัวละจาก คงจะลุกไปไหนสัก--
            “เฮ้ย--อย่าบัง”
            มินฮยอนร้อง ตอนที่อีกคนลุกขึ้นยืนแล้วเดินข้ามเข้ามาหย่อนตัวนั่งแทรกบนตักเขา เบียดตัวยุกยิกจนทำเอาต้องเบี่ยงหน้าหลบพัลวันเพื่อมองจอทีวีโดยไม่โดนฆ่าในเกมไปก่อน แขนที่ถือจอยคอนโทรลอยู่ก็ต้องยกหลบไปมาสุดท้ายก็อ้อมไปอยู่ด้านหน้าคนที่วุ่นวาย รู้ตัวอีกทีก็กลายเป็นว่ามินฮยอนกำลังนั่งโอบอีกคนไว้กลายๆ เสียอย่างนั้น
            เอ้า
            “อะไรวะ เดี๋ยวก็ตายหรอก” มินฮยอนบ่น แต่ไม่ได้หมายถึงเกม หมายถึงเขาเนี่ยแหละ
            “ทำไม เขินเหรอ”
            “ก็แย่ละ”
            กลุ่มผมระปลายคางเขาชวนจั๊กจี้จนต้องเบี่ยงหลบ พอเหลือบสายตามอง ไหล่เปลือยสีแทนที่อยู่ตรงหน้าก็เหมือนจะเรียกร้องบอกเขาว่าให้ซบลงมาสิ วางคางลงไปเลย
            “โห” อูจินทิ้งตัวพิงแผ่นอกเขาเต็มที่ “ไม่ธรรมดาเหมือนกันนะเนี่ย”
            “อะไร” เขาดึงสายตากลับมามองจออีกครั้ง
            “พี่ไปแอบออกกำลังมาตอนไหน” ว่าแล้วก็ถูไถแผ่นหลังกับแผ่นอกมินฮยอนจนเขาเกร็ง “แข็งเชียว”
            เด็กเวร
            มินฮยอนท่องในใจอีกรอบ
            พัคอูจินคือเด็กผู้ชายคนหนึ่งทั่วไป ไม่ได้ขาวใส ผิวสีเข้ม นอกจากหน้าอกจะแบนราบแล้วเนื้อตัวยังแข็งเต็มไปด้วยกล้ามเนื้ออย่างเด็กออกกำลังกาย กวนประสาท ห่าม และปีนเกลียวเก่งที่-- โว้ย หยุด – ขยับ – สัก – ที
            “นี่ อยู่เฉยๆ”
            มินฮยอนเอ็ด เมื่ออีกคนไม่อยู่ยอมนิ่งสักที ตอนแรกก็เหมือนจะขยับหาท่าสบาย แต่พอบ่อยไปเขาว่าไม่ใช่แล้ว มินฮยอนรับรู้ได้ถึงแรงสั่นสะเทือนเมื่อคนที่นั่งพิงกันอยู่หัวเราะ เขาอยากจะบ้า เอาอีกแล้วไอ้เด็กนี่
            “ตื่นเต้นเหรอ”
            “ตื่นเต้นอะไร”
            “แหน่ะ”
            “เงียบไปเลย ไม่มีสมาธิ” มินฮยอนตัดบท พยายามใช้น้ำเสียงเหมือนรำคาญ นั่นเหมือนจะทำให้อีกคนสงบลงไปได้ อูจินบ่นอะไรพึมพำแต่ก็ยอมเอนตัวพิงอกเขาเฉยๆ
            ทีนี้ปัญหามันอยู่ที่ตัวเขาเอง
            มินฮยอนไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองจริงจังกับเกมขนาดนี้มาก่อน เพียงเพราะอยากจะเล่นให้จบด่านนี้เร็วๆ คนเด็กกว่าจะได้ลุกออกไป แล้วก็เพราะไม่อยากจะให้ความสนใจไปตกอยู่ที่อะไรอะไรใต้เสื้อกล้ามคอกว้างของฝ่ายว่ามันเนียนแค่ไหน หรือมีตำหนิเล็กๆ เหนือไหปลาร้านั่นยังไ—เวร แล้วนี่เขามองตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย
            มินฮยอนสูดหายใจเข้า ก่อนจะพบว่าตัดสินใจผิดเพราะนั่นเป็นการสูดเอากลิ่นหอมอ่อนของแชมพูเข้าไปเต็มปอด รู้สึกหงุดหงิดระคนหวาดหวั่นว่าอีกคนจะรู้สึกได้ว่าตอนนี้ไม่ใช่แค่แผ่นอกของเขาที่แข็ง
            เนี่ย ก็เป็นเสียอย่างเนี้ย
            เขาบังคับนิ้วและบอกตัวเองให้จดจ่ออยู่ที่เกม กัดฟันจนกระทั่งในที่สุดก็จบด่าน เขาดันตัวอีกคนออกแล้วลุกพรวดไม่ทันให้เจ้าตัวได้ขัดขืน ทำเป็นบิดขี้เกียจแล้วหันหลังหนีไม่ให้ทันสังเกตอะไรได้
            “เล่นไปก่อน รอแป๊บ เดี๋ยวมา”
            อูจินตะโกนว่าอะไรสักอย่างไล่หลัง คล้ายจะกำชับให้เร็วๆ เขาไม่ได้ใส่ใจฟังนักเพราะเอาแต่จดจ่ออยู่กับฝีเท้าที่รีบเร่งเดินให้ถึงห้องน้ำ ดันเปิด เหวี่ยงมันปิดแล้วลงกลอน เอาหัวชนแล้วโขกเบาๆ กับบานประตูอย่างหงุดหงิดใจ แม่ง เป็นแบบนี้ตลอด
            ถึงบอกไงว่ามันทั้งน่าหงุดหงิด น่ารำคาญ แล้วก็น่าเหนื่อยใจมากที่อูจินมองว่าการล้อเล่นกับเขาแบบนี้เป็นเรื่องสนุก เพราะเขาไม่สนุก เหมือนเป็นเด็กที่เห็นโหลน้ำตาลวางอยู่บนชั้นแต่แม่สั่งว่าห้ามกินอย่างไรอย่างนั้น แล้วเป็นไง สุดท้ายก็ลงเอยแบบนี้ทุกที
            เขาโขกหน้าผากกับบานประตูเบาๆ อีกครั้ง ลองท่องอีกสักรอบว่าพัคอูจินก็แค่เด็กผู้ชายคนหนึ่งทั่วไป ไม่เห็นจะมีอะไร ไม่เห็นจะมีตรงไหน ไม่เห็นว่าจะมีทางใดที่จะทำให้คนอย่างเขารู้สึก---เฮ้อ
            มินฮยอนถอนหายใจ
            เขาปลดกางเกง
******

            ฮวังมินฮยอนวัยยี่สิบสองปีก็ไม่รู้เหมือนกันว่าอะไรที่น่าอดสูกว่า ระหว่างการที่เขากำลังทำอะไรแบบนี้โดยมีเด็กนั่นนั่งเล่นเกมอยู่ข้างนอก กับการที่ตอนนี้เด็กคนเดียวกันนั้นกำลังถูกเขากระทำย่ำยีด้วยวิธีสารพัดสารพันภายในหัว ผิวแทนๆ ปากแดงๆ ตาใสๆ ดื้อๆ มันน่านัก—
            ในตอนแรกเขาลังเลว่าควรจะเปิดก๊อกน้ำให้ไหลทิ้งเพื่อกลบเกลื่อนเสียงอะไรที่เกิดขึ้นในนี้ดีมั้ย แต่เมื่อคิดไปคิดมาก็เกรงว่าจะยิ่งดูมีพิรุธ เด็กนั่นมีหวังได้มาเคาะประตูถามแน่ว่าเขาจะใช้น้ำอะไรนักหนา ยิ่งเป็นเด็กไร้มารยาทและสอดรู้สอดเห็นที่หนึ่งอยู่ด้วย
            เขาสวนสะโพกเข้าหามือ อีกข้างที่ว่างก็ส่งมือไปยันผนังไว้ หลับตาจินตนาการถึงภาพคนเด็กกว่าโก่งโค้งตรงหน้าโชว์แผ่นหลังเนียนนวลสีแทนเปลือยเปล่า จินตนาการถึงบั้นท้ายแน่นๆ ที่ซ่อนอยู่ใต้กางเกงขากว้างที่เขาอยากตีด้วยความมันเขี้ยว จินตนาการว่ามันคือความรุ่มร้อนรัดรึงของอูจินแทนที่จะเป็นฝ่ามือลื่นโลชั่นของตัวเอง เวร มินฮยอน มาถึงขั้นนี้แล้วเหรอวะ
            เขาพนันเลยว่าอูจินต้องเป็นประเภทที่ปากดีแต่หงอพอเจอของจริง คงร้องบอกให้เขาเบาๆ หน่อย คงตัวสั่นครางฮือเวลาเขากระแทกแรงๆ หรือไม่ก็... มินฮยอนสูดปากเมื่อคิดไปถึงอีกแบบ แบบที่อูจินออดอ้อนเสนอตัวให้แก่เขา ร้องขอให้เข้าไปลึกๆ ส่ายสวนตอบรับเข้าจังหวะ เห็นว่าอวดเก่งนักนะ สาบานเลยว่าเวลาจริง เขาจะเอาให้ร้องไห้
            มินฮยอนขยี้ปลายนิ้วอย่างรู้จุด  ความรู้สึกแล่นปราดพุ่งชนอย่างแรงจนขากระตุก เขายังหลับตาแน่น นึกถึงคมเขี้ยวและปลายลิ้นเล็กๆ ยามอีกคนอ้าปากจ้อ นึกถึงทั้งตอนที่จะได้บดเบียดจูบและไล้ลิ้นรุก นึกถึงทั้งตอนที่มันจะเผยออ้ารับเขาเข้าไปจนสุดจนหยาดน้ำคลอหน่วยตา
            ริมฝีปากมินฮยอนแห้งผาก ขบกรามกลั้นเสียงครางต่ำไว้แต่เพียงลำคอ หวั่นว่าคนข้างนอกจะได้ยิน แต่พูดก็พูดเถอะ ห้วงความคิดที่ว่าเด็กคนนั้นอาจจะรู้ว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ในนี้ทำให้ตัวตนเขาปวดแทบระเบิด ความร้อนรุ่มไหลแล่นตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า ถ้าอูจินรู้ว่าเจ้าตัวกำลังครางกระเส่าขนาดไหนในหัวของเขาตอนนี้ จะเป็นยังไงนะ
            “อา แม่ง..”
            เขาหอบหายใจหนัก ช่องท้องเขาวูบโหวงกับความรู้สึกที่แล่นเข้าปะทะเหมือนคลื่นซัดยามเขานึกถึงน้ำเสียงที่อูจินจะร้องยามเขาบดสะโพก ยามเขาควงเน้นโดนทุกจุดซ่านเสียวในกาย พนันเลยว่าคงแหบ พนันเลยว่าคงเซ็กซี่ในแบบที่เขาอยากจะรังแกให้ร้องดังๆ
            ทั้งไหปลาร้าพ้นเสื้อ หรือผิวเนื้อเนียนและตำหนิใดๆ ต่ำลงไปกว่านั้น ยั่วนักเขาจะกัดให้ช้ำทั้งตัวเลยคอยดู
            มินฮยอนยิ่งกัดฟันขยับสะโพก พยายามบังคับมือตัวเองให้อยู่นิ่ง กำขยับบีดรัดเป็นจังหวะเพื่อให้ภาพในหัวยิ่งชัดเจนไปอีกว่ากำลังกระทั้นกายสอดใส่เรือนร่างนวลเนียนสีคาราเมล ว่าเป็นอูจินที่กำลังโอบรัดเขา ว่าเป็นอูจินที่กำลังปล่อยให้ฮวังมินฮยอนทำรักจนสาแก่ใจในแบบที่เขาไม่เคยทำและโคตร—ของโคตรที่อยากจะทำ
            “พี่ ยังไม่เสร็จอีกเหรอ”
            มินฮยอนหลุดครางแผ่ว ความตื่นเต้นระคนความเสียวซ่านแล่นปราดมารวมกันเมื่อเขาได้ยินเสียงคนข้างนอกตะโกนเข้ามา เขากลืนน้ำลาย อยากจะตอบเหลือเกินว่าใกล้แล้ว ใกล้มากๆ
            มินฮยอนหลับตาแน่น ภาพชัดเจนลอยเด่นหลังเปลือกตา โก่งโค้ง, ต้นคอ, หัวไหล่, แผ่นหลัง, สะโพก, บั้นท้าย, ร่างกายบิดเร่าและเรียวขาที่สั่นแทบยืนไม่ไหว, เสียงครางแหบกระเส่ายามเขากระแทกกระทั้น อูจิน อูจิน อูจิน หน้าท้องเขาหดเกร็ง รู้สึกดีจนต้องเผยอปากหายใจ แต่ก็พนันได้เลยว่ามันคงไม่ใกล้เคียงของจริง ไม่เลยสักนิด มันจึงเป็นความรู้สึกดีที่น่าหงุดหงิดใจเหลือเกิน
            ในตอนสุดท้าย ภาพถูกพรากไปด้วยสีขาวหลังเปลือกตา มินฮยอนปลดปล่อยพร้อมเสียงครางต่ำที่มีเพียงตัวเองได้ยิน เขาใช้เวลาระหว่างที่รอให้การหายใจกลับสู่ภาวะปกติโดยการแกล้งกดชักโครกและทำความสะอาด ได้ยินเสียงแว่วบ่นของคนด้านนอกเข้ามา เขาแค่นหัวเราะให้ตัวเองตอนตะโกนตอบว่าเสร็จแล้ว กำลังจะออกไป ใจเต้นรัวและหูร้อนไม่รู้ด้วยแรงอารมณ์หรืออย่างอื่น
            ระหว่างล้างมือ มินฮยอนมองตัวเองในกระจก เขาไม่อยากจะยอมรับเลยว่ามีความรู้สึกผิดอยู่ในแววตาเพียงเศษเสี้ยว มันอาจจะเคยใหญ่กว่านี้ในครั้งก่อนๆ อย่างตอนที่เขาทำมันเพราะตื่นเต้นกับอูจินในชุดนักเรียน หรือตอนที่คนเด็กกว่ายั่วเย้าเขาด้วยคำพูดจนเผลอใจเตลิดไปไกล เขากลัวใจตัวเองจริงๆ ว่าวันหนึ่งเศษเสี้ยวเพียงสักนิดมันก็จะไม่มี แหงล่ะ ถ้าเกิดเด็กนั่นยังไม่เลิกล้อเล่นกับเขาแบบนี้ สักวันมันคงไม่มีเหลือจริงๆ
            มินฮยอนเดินกลับมาทิ้งตัวนั่งที่เดิม จอยคอนโทรลถูกยื่นให้พร้อมกับเสียงบ่นว่าเขาไปนาน มินฮยอนลอบมองเสี้ยวหน้าด้านข้างและผมยุ่งๆ ของอีกคนแล้วถอนหายใจ เห็นแบบนี้แล้วพัคอูจินก็แค่เด็กผู้ชายคนหนึ่งถ้าไม่นับตอนที่เปิดปากพูด หรือจริงๆ แล้วเขาควรจะโทษใจตัวเองที่มันคิดไม่บริสุทธิ์ไปคนเดียววะ
            “ยังจะกวนอีก”
            มินฮยอนบ่นอย่างระอาเต็มทน เมื่ออีกคนมุดเข้ามานั่งเบียดแทรกที่ตำแหน่งเดิม อูจินหัวเราะ หงายพิงหัวกับบ่าเขาไม่ทุกข์ร้อน ขยับตัวเล็กน้อยเพื่อหาท่าทางที่สบาย กดเล่นเกมต่อโดยไม่ได้สนใจเลยสักนิดว่าเบาะรองนั่งอย่างเขาจะเกร็งจนเหนื่อยขนาดไหน
            เขาถอนหายใจ ครั้งที่เท่าไหร่ก็ขี้เกียจจะนับ
            มินฮยอนรู้ดีว่าอีกไม่นานหลังจากนี้เขาคงได้ไปจบในห้องน้ำอีกรอบ

            ไอ้เด็กนี่




#edenfic

สงสารพี่เค้านะคะ
เจอกันที่เดิมแถ่นแท้นแท็ก #edenfic หรือข้างล่างนี้เราเปิด anonymous เน้อ 

5 comments:

  1. ฮือออออออออออ *คุกเข่าลงยื่นช่อดอกไม้ให้คุณคนเขียน แง ชอบมากๆๆๆเลยค่ะ พูดไม่เป็นภาษาแล้ว

    ใฝ่ฝันอยากอ่านฮวังอูแบบฮอตๆมานาน เจ้าอูจินเด็กเกรียนสุดห่ามแต่เย้ายวนเหลือร้าย กับคุณชายที่ดูสงบนิ่งแต่ภายนอกอย่างมินฮยอน พอมาเจอฟิคเรื่องนี้แล้วถึงกับทรุดเลยค่ะ *กอดเข่าร้องไห้

    คุณคนเขียนมองฮวังอูในฟิลเตอร์เดียวกับเรามากๆเลย เป็นเจ้าเด็กแมนๆแต่เจ้าเล่ห์เหลือร้าย ปากดีทีเล่นทีจริง พูดเหมือนไม่คิดอะไรแต่จริงๆแล้วคิดรึเปล่านะ เอ๊ะ นึกภาพน้องนั่งซ้อนเบียดคุณฮวังเขาแล้วหัวใจจะวาย กด 9 เป็นกำลังใจให้คุณเขาหน่อยนะคะ น่าจะต้องใช้อีกเยอะมาก อ๊ะ หรือไม่ต้องใช้แล้วดี--

    ฮือออออ ชอบวิธีบรรยายความคิดในหัวคุณฮวัง ทั้งภาพที่วาดไว้ ทั้งความตื่นเต้นร้อนรน ทั้งตอนที่น้องเรียก มันตื่นเต้นตามคุณเขาไปมากๆ แง

    ขอบคุณมากสำหรับฟิคดีๆแบบนี้นะคะ ;;w;;

    ReplyDelete
  2. โอ้ยยยยยยยยย มันได้มาก หายใจหืดหาด อูจินตัวแสบจริงๆ !! ดูแกล้งพี่เขาแต่ละอย่าง เด็กห้าวๆ ออกกำลังกาย ชอบแกล้ง แมนๆ แต่แสนยั่ว เธอเล่นกับใจกับพี่มินยอนเกินปัยแร้ว พิมะหวั่ย
    พี่เขาไม่ใช่ไก่อ่อนนะเว้ย ระวังหนาวววๆๆๆ ตอนพิมินยอนจินตนาการถึงอูจิน เราแบบ อุดปากกรี๊ดได้รึไม่ ฮื่อ เขินเว้ยยยยยยยยยย
    ตอนอูจินไปแทรกตัวพี่เขาช่วงที่เล่นเกมส์ บั่บ พิไม่ไหว เธอจะยั่วไม่รู้ตัว แกล้งพี่เขาขนาดนั้นไม่ได้ เอ๊ะ !! หรือเธอรู้ตัว

    ReplyDelete
  3. อูจินเด็กผู้ชายแมนๆ ซนๆ กวนๆ เด็กแสบ แงงงงงง
    ตัวแสบอ่ะคนน้องเนี่ย ยัยเด็กยั่วตาใส คอยล้อพี่เค้าแบบนั้น ไม่ได้รู้เล๊ยว่าพี่เค้าคิดจริงอ่ะรู้กกกกก

    สงสารพี่มินฮยอนเค้าจริงๆค่ะ ได้แต่จินตนาการ ทนทรมานกับตัวเองอ่ะ ถถถถ 55555555
    ไม่รู้จะมีซักวันมั้ยที่จินตนาการพี่เค้าจะเป็นจริง หรือต้องเป็นแบบนี้ตลอดไป ยังไงก็สู้ๆนะคะพี่ 555555

    ReplyDelete
  4. โอยยยยยยยยยยย ตายแล้ววววว ยัยน้องไปแกล้งพี่เค้า ถ้าทนไม่ไหวขึ้นมาทำไง ยัยน้องจะรู้มั้ยนะ น่าจะรู้มั้ย 555

    ReplyDelete
  5. ชอบการบรรยายสิ่งที่อยู่ในหัวมากๆ ประทับใจจังเลยค่ะ ชอบราแรกเตอร์น้องอูจินในแบบนี้มากๆ ดีใจที่ได้เข้ามาอ่าน ขอบคุณมากๆค่ะ

    ReplyDelete